Home Top Ad

สรุป iCreator Conference 2019 ตอนจบ

สรุป iCreator Conference 2019 ตอนจบ
หลังจากได้อ่าน สรุป iCreator Conference 2019 ตอนแรก ไปแล้ว คงได้ความรู้เรื่องแพลตฟอร์มออนไลน์ประเภทต่างๆ ไปไม่มากก็น้อย สำหรับตอนจบนี้จะมาเล่าถึงเนื้อหาที่ได้ฟังในห้อง Creative และ Media เท่าที่ได้ฟังผ่านในบล็อคนี้กันค่ะ

How to be Effective Customer

How-to สู่การเป็นลูกค้าที่ Effective

Salmon House

  • ผู้กำกับต้องเอาแต่ใจบ้าง ถ้าปรับตามคอมเมนต์ทุกคนก็เละ
  • ลูกค้ามักไม่เข้าใจจุดประสงค์ เช่น อยากได้ยอดขายดี ซึ่งกว้างไป ควรสโคปความต้องการมาให้แคบ ลองถามเพิ่มว่าทำไมขายไม่ดี ก็จะรู้ insight อย่างเช่น คนไม่รู้ว่าชาร์ปขายพัดลมด้วย เลยทำโฆษณาเน้นประโยคที่ว่า "แรงสะใจต้องชาร์ป"
  • ยิ่งรู้จุดประสงค์ได้ลึกเท่าไหร่ยิ่งดี
  • ถ้าลูกค้ากับทีมงานฝั่งเอเจนซี่เข้าใจจุดประสงค์ร่วมกันทุกอย่างจะราบรื่น ซึ่งลูกค้าและทีมงานนั้นจะต้องทำงานด้วยกัน
  • บางทีลูกค้าก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไรจากแคมเปญนี้กันแน่ จะทำให้ทำงานด้วยยาก
  • ทำเพื่อจุดประสงค์ (Objective) ไม่ใช่เพื่อความชอบของลูกค้า เพราะกลุ่มเป้าหมายอาจจะไม่ชอบ
  • บางงานลูกค้าไม่ชอบแต่ถ้าตรงจุดประสงค์ของแคมเปญก็ถือว่าตรงโจทย์ เพราะรสนิยมลูกค้ากับแนวทางงานที่ควรจะเป็นอาจไม่ตรงกัน
  • ลูกค้าที่น่ารักไม่ใช่คนที่พูดจาดี แต่เข้าใจจุดประสงค์ในการทำชัดเจน บางคนพูดจาดุดันแต่ถ้าเข้าใจจุดมุ่งหมายแล้วไม่เปลี่ยนระหว่างทางก็ถือว่าเป็นลูกค้าที่ดีได้
  • ควรบอกทุกอย่างว่าจะทำอะไร ฉายที่ไหน ความยาวเท่าไหร่ อยากให้ทำอะไร ไม่ทำอะไร ระวังอะไร
  • ถ้าลูกค้าไม่บอกความต้องการและข้อจำกัดทุกอย่างแต่แรก การแก้ภายหลังทำงานเสร็จแล้วเป็นอะไรที่ยากมาก
  • เมื่อลูกค้าบอกว่าอยากทำอะไรทำเลย ถือเป็นคำพูดอันตรายสุด
  • ลูกค้าไม่ชอบ(รายบุคคล = not target) แต่คนดู(ส่วนมาก = target)ชอบ จะดีกับกลุ่มเป้าหมายกว่า
  • ฝากให้ลูกค้าพยายามบอกให้หมด คิดอะไรบอกแบบนั้น อย่าให้เราเดาใจลูกค้าเลย
  • คิดเสมอว่าทำไปทำไม ไม่ใช่ทำอะไรดี
  • Focus group เป็นการเสพสื่อแบบไม่เป็นธรรมชาติ ตั้งใจดูเกินไป จึงเอามาวัดไม่ได้ เพราะอยู่ในสถานการณ์บังคับ และมักพูดเอาหล่อมากกว่า
  • Objective (จุดประสงค์) สำคัญที่สุด พูดให้เจาะจงที่สุด และอยู่กับสิ่งนี้ตลอดเวลา
  • พยายามดื้อเพื่อให้คนดูมีความสุขที่สุด
  • สิ่งสำคัญคือคุยกับลูกค้าอย่างเปิดอกและเปิดใจ

How to Create Character Online

สร้างคาแรคเตอร์เด่นให้คนจำบนโลกออนไลน์

Wongnai

  • แนะนำ Wongnai คร่าวๆ
    • นอกจากรีวิวร้านอาหาร ยังมีรีวิวความงาม ทำอาหาร และการท่องเที่ยวอีกด้วย
    • คอนเทนต์ 99% นั้นมาจากคนใช้งานทำคอนเทนต์เอง
    • การทำงานสำคัญคืองานไวและตามเทรนด์ปัจจุบันให้ทัน
  • จีบยังไงให้คนดูเป็นแฟน
    • รู้จัก
      • หากลุ่มเป้าหมายตาม platform Facebook YouTube Google
      • ดูว่าสนใจเรื่องอะไรเป็นพิเศษ เช่น ส้มตำ ไก่อบฟาง แล้วแท็คใน Google AdWords
    • ชวนออกเดท
      • คิดเสมอว่าธรรมดาโลกไม่จำ
      • ส่วนมาก Influencer มักจะหน้าตาดี เลยพลิกอีกด้าน ใช้นายฮ้อยและพี่ร่างทรง (มาเป็นคู่ดูเคมีเข้ากัน ช่วยให้กลมกล่อมขึ้น)

    • ทำให้รู้สึกว่าพิเศษกว่าคนอื่น
      • ความพิเศษในที่นี้คือการทำคอนเทนต์ให้มีประโยชน์ (กระแสมาแล้วหายไป)
      • เน้นทำคอนเทนต์ช่วยคนแก้ปัญหา เช่น รีวิวอาหาร สอนทำอาหาร
      • ให้แรงบันดาลใจคนได้ ด้วยการถ่ายรูปและตัดต่อน่าสนใจ(มี parody ทำล้อคอนเทนต์ของ Wongnai ถือว่าประสบความสำเร็จ)
      • มีเซอไพรส์ หักมุม และคาดไม่ถึง
    • ซื่อสัตย์และให้เกียรติ(แฟนอยู่นานๆ)
      • ความสม่ำเสมอ ไม่ทิ้งคุณภาพ
      • ไม่ลืม Objective และ Key Result
      • เก็บ Feedback comment จากคนดูแล้ววิเคราะห์ เช่น ทำไมคนหยุดดูที่นาทีนี้
      • เมื่อสร้างคาแรคเตอร์ออนไลน์ Wongnai เติมโตขึ้น 281%

Real-time Content for Brand (บางส่วน)

เทคนิคทำเรียลไทม์คอนเทนต์ฉบับแบรนด์ทำเองให้ปัง

Major, Pentel, Grab

  • สร้าง content campaign ควรคำนึงถึงวัฒนธรรมของประเทศนั้น ประเทศอื่นเวิร์ค ที่ไทยอาจไม่เวิร์คก็ได้
  • Grab food มีทีมทำ content real time ที่สามารถทำ moment marketing ทันที

How to Create Effective Interview

การตั้งคำถามและสัมภาษณ์อย่างมีประสิทธิภาพ

a day

25 สิ่งที่ได้เรียนรู้จากผู้สนทนา by a day

1. งานสัมภาษณ์เหมือนเรียบง่าย แต่ซับซ้อน ใครละเอียดกว่าได้เปรียบ บรรยากาศ สถานที่ คนถาม แววตา น้ำเสียง วันเวลาเปลี่ยน คำตอบจะเปลี่ยน
คำถามที่ต้องตอบก่อนสัมภาษณ์
2. ในแต่ละช่วงเวลาทั้งก่อน ระหว่าง และหลังสัมภาษณ์ นั้นจะใช้ทักษะแตกต่างกันไป
ก่อนสัมภาษณ์ - ค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้สัมภาษณ์ ตั้งคำถาม
ระหว่างสัมภาษณ์ - ฟัง สนทนา ทำให้เป็นธรรมชาติ
หลังสัมภาษณ์ - จับประเด็น ถ่ายทอด
3. กังวลก่อนสัมภาษณ์มีแน่ ยิ่งปีแรกยิ่งกลัว ดังนั้นการจัดการที่ดีที่สุดคือการเตรียมตัว รู้ว่าใคร objective สนใจประเด็นอะไร(สโคปให้ชัดที่สุด) จะสื่อสารกับใคร เล่าผ่านสื่อใด
4. ความลึกของข้อมูลส่งผลต่อคำถามที่ตั้ง
รู้เกี่ยวกับคนที่ไปคุยให้มากที่สุด ไม่ใช่แค่เรื่องพื้นฐาน รู้ว่าเค้าสุขกับทุกข์เรื่องอะไร ดูหน้าเฟสว่าตั้งเสตตัสอะไร แชร์เรื่องอะไร อินกับเรื่องอะไร รู้ข้อมูลให้เยอะที่สุด
5. ผ่อนคลายเมื่อรู้จักคนตรฃหน้าดีพอ
6. อย่าโดนลวงตาด้วยบทบาทของเขา มองในฐานะมนุษย์คนนึง จะได้ถามถึงเรื่องทุกข์สุขได้ลึก ทำให้ได้คำถามที่น่าสนใจยิ่งขึ้น
7. มองให้เห็นคนธรรมดาในคนพิเศษ เนื้อหาดูกลมกล่อมขึ้น แล้วเห็นความพิเศษในคนธรรมดา
8. คำถามที่แตกต่างกันส่งผลต่อเรื่องที่จะเล่า ยิ่งมีจำนวนคำถามลดลง จะเหลือแค่คำถามสำคัญ
9. ยิ่งถามได้น้อย ยิ่งต้องคิดเยอะ เพราะเวลาจำกัดและได้คุณภาพที่ดี
คำถามหลายแบบ ได้คำตอบที่ต่างกัน ยิ่งละเอียดยิ่งดี
10. เตรียมจากประเด็น ทำให้สร้างคำถามได้ไม่จำกัด คิดเป็นหัวข้อ จะทำให้ไม่มั่วว
11. องค์ประกอบรอบตัวส่งผลต่อบทสนทนา สิ่งควบสิ่งควบคุมได้(เวลา สถานที่)ให้ดีที่สุด
12. การติดต่อครั้งแรก เจอกันครั้งแรก และคำถามแรก จะเป็นสิ่งที่ผู้ถูกสัมภาษณ์นั้นตัดสินคนสัมภาษณ์ได้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความประทับใจ ถ้าทำได้จะทำให้ตอบคำถามต่อไปได้อย่างราบรื่น
13. เริ่มบทสนทนาด้วยคำถามง่ายๆ และมีแววตาที่จริงใจ แล้วเก็บคำถามที่เรียกร้องความไว้ใจไว้ทีหลัง 
14. ไม่ว่าถามข้อมูล ความคิด และความรู้สึกก็ดีถ้าบอกตัวตนคนตอบได้
15. กระดาษคำถามเหมือนร่มชูชีพ ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องหยิบมา
16. คำถามเหมือนเส้นเลือด การฟังคือหัวใจสำคัญ
17. คำถามที่ดี=คำตอบที่ดี
18. อย่าลืมอ่านคู่สนทนาผ่านสีหน้า แววตา อาจถามต่อจากคำตอบก็ได้ ถ้าตั้งใจฟังให้ดีๆ คำถามทำให้ภาพชัดเจนขึ้น ให้อธิบายเพิ่ม
ไม่ว่าจะสัมภาษณ์มากี่คน ระลึกไว้เสมอว่าทุกคนมีเหมือนกันคือความเป็น'มนุษย์'
19. สิ่งที่อยากรู้สามารถถามได้หลายวิธี แล้วแต่ละวิธีก็ได้ผลลัพธ์แตกต่างกันไปด้วย
20. ถ้าเกิดคำถามในหัว พยายามคิดและบิดให้เป็นคำถามที่ดีที่สุด บางทีคำถามคนละแบบแม้จะเป็นความหมายเดียวกันก็ทำให้คนฟังรู้สึกต่างกันแล้ว
21. อยากรู้ว่าพูดความจริงไหม ให้ใช้คำถามอื่นนั้นตรวจสอบ
22. คิดเสมอว่าคนสัมภาษณ์มีเหตุผล
23. (จดไม่ทัน)
24. จดจำความรู้สึกตอนสัมภาษณ์แล้วถ่ายทอดให้ได้
25. ทุกบทสัมภาษณ์จะส่งผลกับคน 3 คน
-คนสัมภาษณ์ - คนรู้จักผ่านแง่มุมต่างๆ
-คนอ่าน - อ่านจบแล้วอาจผ่านช่วงยากลำบากไปได้
-คนทำสัมภาษณ์ - ได้เรียนรู้


How to Make Video That's Engage Online Audience (บางส่วน)

ทำงานวิดิโอขายของอย่างไรให้สร้างสรรค์

กอล์ฟมาเยือน, เทพลีลา

  • ขายของให้เป็นส่วนหนึ่งของคอนเทนต์ให้ได้ซึ่งไม่มีสูตรตายตัว แล้วแต่ความเหมาะสม
  • คอนเทนต์ที่ดีจะอยู่ได้ทุกอัลกอรึทึม (Algorithm) พัฒนาตัวเองตลอดเวลา แล้วจะเห็นผลเอง อย่างไรแล้วก็ปรับตัวไปตามอัลกอริทึม ปรับตัวเองเป็นเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นเรื่อยๆ

Creative Idea

กับวิธีการคิดนอกกรอบแบบแมสๆ

Ter Nawapol


  • ถึงจะมีความชอบแตกต่างจากคนอื่นก็ไม่มีความกลัวที่จะชอบสิ่งที่ไม่เหมือนคนอื่น 
  • อย่าง 15 ปีที่แล้วดูหนังเกาหลีถือว่าแปลกมากก็ไม่สนใจ
  • อยากทำอะไรก็ทำ ไม่เวิร์คก็ไม่ทำ ถ้าไม่กลัวเฟลก็จะเรียนรู้เร็วกว่าคนอื่น
  • สมัยก่อนแตกต่างเป็นเรื่องยาก เดี๋ยวนี้เส้นทางมีให้เลือกมากขึ้น
  • จุดที่เริ่มทำอาจจะมืดจนมองไม่เห็นปลายทาง จะไปต่อหรือพอแค่นี้อยู่ที่เลือกเอง
  • ทำสิ่งที่คนไม่คิดว่าจะได้เห็น หรือทำคอนเทนต์เดิมที่เคยมีอยู่แล้วแต่ลึกมากยิ่งขึ้น
  • ลองทำเรื่องที่เห็นกันอยู่ทุกวันแต่คนอื่นไม่สังเกตเห็น
  • ถ้ามัวเปลี่ยนไปตามกระแส ระยะยาวจะเหนื่อย
  • ไอเดียที่คิดจะต้องรีเชคว่ามีคนทำยัง เป็นมุมใหม่จริงไหม
  • อย่าปล่อยดราฟแรกให้เป็นที่สุด รีเชคอย่างละเอียดกับคนดู
  • ทำเรื่องที่รู้อย่างดีจะรีเชคและทำได้ง่าย


  • ทำโฆษณามาแล้ว 3 ปี เลือกทำงานที่สบายใจ ไม่ทะเลาะกับลูกค้า ขอดูบรีฟลูกค้าก่อนรับงาน เสนอก่อน ถ้าไม่โอเคก็จากกันด้วยดี
  • การจับคู่ที่ถูกต้องระหว่างความต้องการของลูกค้ากับสไตล์การทำงานนั้นสำคัญ
  • คิดเสมอว่าตัวเราเองทำไม่ได้ทุกเรื่อง บางเรื่องต้องให้คนอื่นทำบ้าง หรือบางานอาจไม่เหมาะกับเรา
  • พยายามทำแล้วไม่เครียดและทำสิ่งที่ลูกค้าอยากได้ แต่จะเครียดบ้างว่าอยากทำงานให้ดีที่สุด
  • Speed ในการทำโฆษณาของพี่เต๋อในปีแรกอาจจะช้ากว่าคนอื่น(2 เดือน 1งาน ส่วนคนอื่น 1เดือน 2 งาน) แต่ปีที่ 2 การทำงานเริ่มดีขึ้น
  • ถ้าลูกค้าบรีฟว่า "แล้วแต่เลย" สำหรับพี่เต๋อไม่น่ากลัว แค่กดดันว่าต้องทำให้ดีตามที่ลูกค้าหวังมากกว่า
  • เลือกที่จะทำงานน้อยหน่อยก็แค่ใช้จ่ายน้อยหน่อยก็ได้ อุ่นใจที่ได้เลือกงานที่ชอบมากกว่า
  • แมสไม่จำเป็นต้องยิงมุก หรือเรื่องผี แมสคือสิ่งที่ทุกคนเข้าใจได้ เช่น เรื่องรัก ตลก อารมณ์ดี ลองเลือก topic ที่หลายคนเคยประสบมา

กรณีศึกษาจากผลงานพี่เต๋อ



  • Girls Don't cry
    • โจทย์มาจากทาง BNK48 Official และ Salmon house
    • คุยให้ตรงกันก่อนว่าทิศทางการทำสารคดีตรงกับทาง BNK48 Official หรือไม่ ซึ่งคุณต้อมค่อนข้างปล่อยให้พี่เต๋อคิดอย่างอิสระ
    • เลยคิดก่อนว่าสนใจอะไร มุมไหน เลยได้ประเด็นได้ว่าเด็กผู้หญิง 26 คนอยู่ในสถานการณ์เดียวกันจะเป็นอย่างไร
    • คิดได้ว่าสิ่งที่เด็กผู้หญิงใน BNK48 เจอไม่ต่างกับสังคมออฟฟิส
    • อยากทำหนังให้คนทั่วไปที่ไม่ได้ติดตามวง BNK48 มาก่อนก็สามารถดูได้รู้เรื่อง



  • Friendshit by KBank
    • บรีฟคือ K PLUS แอปที่ทุกคนใช้ เลยคิดว่าสิ่งที่ทุกคนใช้เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้จัก เลยเป็นสิ่งที่ "แมส" แล้วนั่นเอง
    • เลยนึกถึงตัวเองที่คุยไม่เก่งแต่ก็ไม่อยากมีจังหวะเดดแอร์บนโต๊ะสนทนา เลยคุยเรื่องแมสอย่างดินฟ้าอากาศ ข่าวสารบ้านเมือง
    • จึงเป็นที่มาของคนที่คุยไม่เก่งแล้วต้องเรียนอีกเมือง ไปเจอเพื่อนใหม่ เพื่อนอีกคนเลยแนะนำว่าให้ใช้แอปพลิเคชั่น  K PLUS จะได้มีเรื่องแมสๆ ไปพูดคุย
    • มีรีเช็คกับลูกค้าซึ่งต้องการสื่อสารกับวัยรุ่นว่าใช่สิ่งที่ต้องการหรือไม่

  • สรุป
    • ถ้าลูกค้าหวังผลยอด views อาจจะทำให้ลำบากใจ บางงานยังใหม่มากๆ ต้องใช้เวลา และใช้ความมั่นใจ ไม่กลัว
    • บางทีต้องยอมเสี่ยงนิดนึง อย่างหนังที่ได้รายได้ 100 ล้านจะไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะได้ ซ้ำยังจะคิดนิดนึงว่าใช่หรอ
    • พร้อมทำงานที่ถนัดมากๆ ถ้าไม่ถนัดจะบอกตรงๆ แล้วให้คนอื่นทำ
    • รีเชคกับลูกค้านิดนึงว่าความต้องการในการทำงานตรงกันหรือไม่


From Brief to Creative Idea

เปลี่ยนบรีฟเป็นไอเดียเด็ดสไตล์พี่เอ็ด 7 วิ

พี่เอ็ด 7 วิ

  • เมื่อได้บรีฟแล้ว สต็อกไอเดียออกมาเป็นคำพูดหลายๆ คำ
  • research เพิ่ม แล้วเอาคำข้างต้นมารวมกัน
  • ลองพูดสิ่งที่อยู่รอบตัวสินค้า แทนที่จะพูดสินค้าตรงๆ
  • คนเริ่มชินชากับการแร็พแล้ว ปีหน้าต้องหากลยุทธ์อื่น
  • ส่งไอเดียที่ดีที่สุดในเวลานั้น ถ้าคิดไอเดียที่ดีกว่าได้กผ้จะขอเปลี่ยน ถ้าเปลี่ยนได้ก็เปลี่ยน เปลี่ยนไม่ได้ก็โอเค
  • ถ้าลูกค้าอยากเพิ่มอะไร หรืออยากได้อะไรก่อนกำหนด ก็ให้จ่ายเงินเพิ่มไป
  • ถ้าคิดไม่ออก ส่งเลทเลย(อ้าวพี่55) ให้ AE ช่วยเคลียร์ให้
  • YouTube นั้นต้องอาศัยทำคลิปมาเเป็นระยะเวลานาน ความอดทนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หาทางของตัวเองให้ได้ คนชอบดูวิดิโอยาวๆ อาจจะเป็นเด็กหรือคนที่งานไม่รัดตัว
  • พอโตขึ้นจะเห็นค่าของเวลามากขึ้น Facebook เป็นศูนย์รวมของคนไม่มีเวลา คอยดูข่าวคราวเพื่อน วิดิโอจึงสั้นๆ ตอนนี้กด reach ต่ำมาก
  • งาน Hotel combine ถ่ายโรงแรมไป 5 ที่ แต่ใช้จริงเพียง 2ที่ เพราะเวลานั้นเยอะเกินไปสำหรับลง Facebook
  • คอนเทนต์ที่ลงใน Facebook จะต้องมีค่าพอที่คนจะเสียเวลาดู
  • พยายามทำให้ดีที่สุดในเวลาที่มี
  • อนาตตพี่เอ็ดอยากลองเดี่ยวไมโครโฟนอยู่บ้าง และผันตัวเองมากำกับมากขึ้น เผื่อวันนึงจะไม่ได้ออกหน้ากล้องแล้ว
จะเห็นได้ว่าการสร้างสรรค์งานคอนเทนต์นั้นใช้หลากหลายทักษะในการสร้างขึ้นมาก็จริง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และความชำนาญของแต่ละคน ซึ่งเรื่องเล่าจากผู้มีประสบการณ์ข้างต้นเหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำคอนเทนต์ทั้งหมด สามารถนำไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม แล้วเป็นหนึ่งในกำลังใจในการทำคอนเทนต์ดีๆ ต่อไปค่ะ
สรุป iCreator Conference 2019 ตอนจบ สรุป iCreator Conference 2019 ตอนจบ Reviewed by giftoun on พฤศจิกายน 12, 2562 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น

Sponsor

AD BANNER

Travel everywhere!