Home Top Ad

[Spoil] ถามตอบกับพี่เต๋อผู้กำกับ Girls Don't Cry

[Q&A][Spoil] Girls Don't Cry การต่อสู้ของ BNK48 ทั้ง 26 คนผ่านสายตาของเต๋อ นวพล

ดูเผินๆ แล้วหนังเรื่อง Girls Don't Cry เป็นหนังของน้องๆ วง BNK48 เซอวิสแค่แฟนคลับเฉพาะกลุ่มรึเปล่า อันที่จริงแล้วหลังจากที่ดูมา 2 รอบเป็นหนังที่บอกเล่าประสบการณ์ของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่เชื่อว่าหลายคนเคยผ่านมาบ้างไม่มากก็น้อย บางจังหวะมีน้ำตาซึมนิดๆ เพราะเคยเจอแบบในหนังมาบ้างเหมือนกัน ถ้าตั้งใจมาดูใครเป็นพิเศษอาจจะผิดหวังก็ได้ เพราะหนังเรื่อง Girls Don't Cry นี้เล่าเป็นภาพรวมของ BNK48 ว่าต้องต่อสู้กับอะไรบ้างเสียมากกว่า

ด้วยความเป็นทั้งแฟนคลับของ BNK48 และพี่เต๋อผู้กำกับเรื่องนี้ เลยอยากจะดูรอบ Q&A ถามตอบเกี่ยวกับหนัง Girls Don't Cry เป็นพิเศษ โชคดีมากที่จองรอบหนังล่วงหน้าตรงกับรอบที่พี่เต๋อมาพูดพอดี(SF วันที่ 18 ส.ค. รอบ 16.30 น.) โดยมีพี่ผ้าป่านมาเป็นพิธีกรช่วยพี่เต๋อคุยในวันนี้

คำเตือน : ในถามตอบนี้มี Spoilอยู่ประมาณ 30-40% ถ้ากลัวก็ดูหนังก่อนแล้วค่อยมาอ่านก็ได้ค่ะ หรือถ้าอยากอ่านเลยก็อ่านเลย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ดู Girls Don't Cry ไปทั้งหมด 2 รอบ รอบแรกดูกับ Music BNK48 thailand fanclub สนุกมาก เล่นเกมอย่างฮา
ส่วนรอบ 2 ดูที่ SF Cinema city ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นรอบตรงกับที่เจอพี่เต๋อมาถามตอบหลังหนังจบนี่เอง
ผ้าป่านถาม : วิธีการหยิบ Footage ที่สัมภาษณ์น้องๆ BNK48 เป็นอย่างไรบ้าง

เต๋อตอบ : คลิปที่สัมภาษณ์น้องๆ BNK48 มีทั้งหมด 60 ชั่วโมง รวมถึงคลิปที่ออกงานของ BNK48 ใน 1 ปี ซึ่งน้องๆ BNK48 เล่าเรื่องเยอะมากทั้งเรื่องส่วนตัวและส่วนรวม จนคิดว่าจะเล่าเรื่องแบบไหนก็ได้ แต่ต้องตัดสินใจเล่าเพียงแบบเดียว

จึงลองไล่ดู Footage ใหม่ แล้วไล่เอาข้อดีของ Footage แต่ละคนประมวลอีกทีว่าจะเล่าเกี่ยวกับอะไร ด้วยความที่อยากให้หนังเรื่องนี้คนดูสามารถติดตามได้จึงต้องหาคำพูดที่เป็นข้อมูลและสามารถดำเนินเรื่องไปด้วย จริงๆ มีข้อมูลที่ลึกกว่านี้มากแต่ในการทำหนังให้เพลิดเพลินจึงจำเป็นต้องสละข้อมูลเชิงลึกบางอย่างไปด้วย
นั่งอยู่หน้าสุดเลย นั่งอยู่แล้วหรอ เปล่าวิ่งมา
(พอ end credit จบทุกคนวิ่งกรูมาด้านหน้าจนพี่เต๋อตกใจ)
ผ้าป่านถาม : แล้วข้อมูลที่ลึกๆ ส่วนนั้นน่าเอามาเล่าหรือไม่ อย่างไร

เต๋อตอบ : ตอนแรกใส่ไปทั้งหมดแต่ถ้าใส่หมด 5 ชั่วโมงก็จะเยอะเกินไป เลยต้องตัดออกไปบ้าง อย่างคำถามเดียวกัน น้อง 7 คนจะตอบ 7 แบบซึ่งในหนังจะเลือกเพียง 2 แบบ ถ้าเลือกทั้งหมดจะเล่าวนๆ เกินไป ทั้งๆ ที่สิ่งที่โดนตัดนั้นก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กันเหมือนกัน ถ้าทำหนังภาคแยกของแต่ละคนก็อาจจะใส่ไปได้แบบไม่มีปัญหาอะไร (ผ้าป่าน : เชื่อว่าหลายๆ คนอยากให้มีภาคแยกนะพี่) เออเนอะ ผมไม่น่าพูดเลย 555

ผ้าป่านถาม : หลังจากที่คัดรอบ 1 มาแล้วว่าแต่ละคนมีเรื่องน่าสนใจตรงไหนบ้าง จนคัดรอบ 2 ลองนำมาเล่าเรื่องในมุมมองของพี่เต๋อที่เห็นเรื่องราวทั้งหมด แล้วขั้นตอนต่อไปทำอะไร

เต๋อตอบ : พอเริ่มเห็นว่าจะเล่าเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร ส่วนตัวก็อาจจะโฟกัสไปที่การต่อสู้ของอันเดอร์เกิร์ล*เยอะๆ หน่อย ที่เหลือก็นำส่วนที่ดีที่สุดของแต่ละคนมาประกอบกันกับการต่อสู่ของอันเดอร์เกิร์ล* แต่พอทำไปเรื่อยๆ จากตอนแรกที่โฟกัสไปที่การต่อสู่ของอันเดอร์เกิร์ล
"คนอยู่ข้างบนไม่มีวันเข้าใจคนอยู่ข้างล่าง
คนที่อยู่ข้างล่างก็ไม่มีวันเข้าใจคนที่อยู่ข้างบน..."
ขอบคุณ Fanart จาก Maink
พอเริ่มตัดต่อไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเห็นว่าคนที่อยู่โซนคนตรงกลางก็มีเรื่องราวของเขาเหมือนกัน ในขณะที่คนที่อยู่โซนบนก็มีเรื่องราวของเขาเช่นกัน ซึ่งอยู่ในเรื่องการต่อสู้ของอันเดอร์เกิร์ล*เหมือนกัน ถือเป็นการต่อสู้ของทุกๆ เมมเบอร์เหมือนกัน

ด้วยเหตุนี้จึงมี Footage ที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้มากอย่างเรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับเพื่อนที่โรงเรียนหรือครอบครัวก็นำไปใส่ไม่ได้ ถ้าใส่แล้วอาจจะออกทะเลนิดนึง ไม่ได้เกี่ยวกับการต่อสู้เท่าไหร่

ผ้าป่านถาม : แล้วมีเรื่องอะไรที่พูดไม่ได้ในหนังบ้าง

เต๋อตอบ : เรื่องที่พูดไม่ได้อย่างหนึ่งคือเรื่องบริษัทซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเด็กเหมือนกัน อีกเรื่องนึงคือเรื่องที่เล่าให้ฟังแล้วน้องขอให้รู้กันสองคนเท่านั้นเพราะน้องเชื่อใจและอยากเล่าให้ฟังเฉยๆ เมมเบอร์แค่อยากคุยให้ฟังเฉยๆ ซึ่งก็ไม่ได้เสียดายเพราะไม่ใช่ส่วนที่มาเกี่ยวกับหนังอยู่แล้วเลยไม่เป็นไร
หลากสีหน้าหลายอารมณ์ใน Girls Don't Cry ที่ไม่ได้มีแค่น้ำตา
จะว่าไปถ้าเปลี่ยนผู้กำกับไปหนังอาจจะเปลี่ยนเนื้อเรื่องไปเลยก็ได้ เช่น การต่อสู้ของเมมเบอร์ท้อป บางคนอาจจะหายไปเลยก็เป็นได้ จริงๆ ก็อยากจะเจอบางคนเพื่อขอโทษเหมือนกัน เพราะบางคนซีนน้อยจริงๆ ก็พยายามจะหาที่ที่เยอะที่สุดสำหรับเค้า

ผ้าป่านชวนคุย : ส่วนตัวพอดูหนังแล้วจะรู้เลยว่าพี่เต๋อให้ความสำคัญกับการเล่าเรื่องอันดับหนึ่งอยู่แล้วและไม่ได้ติดตามใครเป็นพิเศษเลยไม่ได้จดจ้องตรงนั้น ในแต่ละคนมีเสตปการเล่าเรื่องของตัวเอง ผ่านสีหน้า แววตา และพูดออกมา ซึ่งทุกคนแสดงออกมาเต็มที่ในหน้ากล้องและช่วยเล่าเรื่อง จนดูแล้วทุกคนสามารถดูได้ เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนเคยเจอ ไม่ว่าจะเป็นความพยายาม การถูกเลือก การไม่ได้ไปต่อ หรือการค้นหาตัวเอง เลยรู้สึกว่าพอดี
Girls Don't Cry เป็นการเล่าเรื่องผ่านการพูดคุยกับน้องๆ BNK48
เต๋อเล่าเสริม : พอได้เรื่องที่จะเล่าหลักๆ แล้วเลยโฟกัสที่การเล่าเรื่องนั้น แต่การโฟกัสที่หนังเป็นการเคารพเมมเบอร์ทุกคน รู้สึกว่าให้เค้าอยู่ที่จุดที่ถูกต้องเหมาะสมและมองเป็นภาพรวม เป็นการเคารพแต่ละตำแหน่งด้วย

ผ้าป่านถาม : การตัดต่อใช้เวลานานเท่าไหร่ มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

เต๋อตอบ : พยายามตัดให้ smooth ที่สุด จริงๆ คือตัดให้เหมือนหนังทั่วไปที่มีต้น กลาง จบ จุดขึ้น จุดลง เต็มไปหมด ซึ่งจะยากเข้าไปอีกเพราะต้องหา Footage ที่ช่วยดำเนินเรื่องได้ อย่างที่มีซีนปูเป้เยอะเพราะปูเป้เล่าเป็นเหตุการณ์ ไม่ใช่แค่รู้สึกยังไง  เช่น เล่าว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น ใครรู้สึกยังไง หลังจากนั้นเป็นยังไงต่อ แล้วก็ทำอย่างนู้น ทำอย่างนี้ ซึ่งจะทำให้ดูเป็นภาพยนตร์ขึ้น ดูเป็นซีนหนังเลย

ดังนั้น คนที่เล่าได้แบบนี้จะอยู่ในหนังเยอะหน่อย อย่างที่บอกว่าตัดตามที่คนช่วยดำเนินเรื่องมากกว่าเรารักใครเป็นพิเศษ ดูว่าใครช่วยเล่าตรงไหนได้บ้าง ส่วนมากคนอื่นจะเล่าไม่จบเหตุการณ์พาร์ทนั้น จะต้องหาคนอื่นมาต่อให้จบ

(เพิ่มเติมเอง :  ทำ Post-production อื่นๆ สามารถตามอ่านได้ที่ Chiw Uparsin)

ผ้าป่านถาม : เพลงประกอบหนังมีขั้นตอนทำอย่างไรบ้าง

เต๋อตอบ : น้องต้องตากับปกป้องวง plastic plastic เป็นคนทำเพลงประกอบ ซึ่งเคยทำดนตรีตอนทำหนังเรื่อง Die Tomorrow ซึ่งหนังเรื่อง Girls Don't Cry ถือว่าทำเพลงประกอบยากเพราะมีแต่ฉากคนคุยกัน ไม่มีฉากแอคชั่น กระโดด หรืออะไร ไม่อยากให้หนังเงียบไป อาวุธที่จะช่วยหนังได้ครึ่งหนึ่งก็คือดนตรีที่จะคอยไกด์คนดูว่า Beat จะเป็นยังไง อย่างตอนแข่งโซเชียลกัน ดนตรีก็จะเหมือนหนังทริลเลอร์ ให้เบสหนักขึ้น มีความตื่นเต้นมากขึ้น
พี่เต๋อและวง Plastic Plastic ผู้ทำเพลงประกอบ Girls Don't Cry
ขอบคุณภาพจาก Plastic Plastic
ต้องหาว่าแต่ละพาร์ทของหนังเป็นอย่างไร เช่น ช่วงนี้แข่งกันนะ ช่วงนี้เศร้านะ แต่จะยากตรงที่ช่วงนี้น้อยใจแต่ไม่น้อยใจมาก ช่วงนี้น้อยใจจริงๆ ตรงนี้น้อยใจ Level 3 ตรงนี้น้อยใจ Level 7 ตรงนี้กลับมารู้สึกดีขึ้น เพลงจะต้องไปตามความรู้สึกของคนพูดว่าพูดแล้วรู้สึกยังไง อย่างเช่นปันจะพูดตรงนี้ ดนตรีขึ้น คือกำกับกันเป็นประโยคเลย เพราะดนตรีเป็นอาวุธสุดท้ายที่คอยจูนคนดูไปได้ ช่วยไกด์คนดูให้ตามหนังไปได้

อย่างพาร์ทเฌอปรางที่พูดเรื่องคนข้างล่างไม่เข้าใจคนข้างบนยังไง เปียโนขึ้นก่อน ตามด้วยเครื่องสายตาม สรุปแล้วระยะเวลาตัดต่อ 2 เดือน ระยะเวลาทำเพลง 1 เดือน ซึ่งต้องคอยไกด์กับนักดนตรีคำต่อคำตลอดเพื่อให้คนดูเข้าใจตรงกัน อย่างตอนแข่งโซเชียลซึ่งมีความยาวเกือบ 10 นาทีก็ให้ดนตรีแต่ละคนแตกต่างกันไปเลย

(เพิ่มเติมเอง :  สามารถอ่านความรู้สึกในการทำดนตรีและดูหนัง Girls Don't Cry เพิ่มเติมที่ Plastic Plastic )

ผ้าป่านถาม : ความสัมพันธ์ของพี่เต๋อกับน้องๆ แต่ละคนในหนังเป็นอย่างไรบ้าง

เต๋อตอบ : ความตั้งใจแต่แรกคืออยากให้มีทั้ง 26 คนอยู่ในหนัง แต่ถ้าแบ่งให้ทุกคนพูดเท่าๆ กันหมดจะกลายเป็นหนังข่าวไปเลยทันที อยากให้เป็นหนังที่ดูน่าติดตามมากกว่าก็ต้องปรับไปตามความเหมาะสมของแต่ละคน เพราะหนังที่สนุกๆ ก็จะต้องมี Beat ที่แตกต่างออกไป

หลังจากนั้นจะเป็นพาร์ทที่ให้คนดูในโรงหนังเป็นคนถามบ้างค่ะ
บรรยากาศการฟัง Q&A Girls Don't Cry ในโรงหนัง SF
ขอบคุณภาพจาก Nawapol Thamrongrattanarit
ผู้ชมคนที่ 1 : เท่าที่ฟัง Feedback หนังแล้ว ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะมีตรงไหนอยากจะเพิ่มไหม

เต๋อตอบ : ส่วนตัวคิดว่าไม่มีให้เพิ่ม มีแต่จะลดมากกว่า รู้สึกว่าพอดีแล้ว การทำหนังมีเรื่องยากอย่างนึงคือชีวิตเรามีแทรกเดียว ถ้าเราปรับขึ้นก็อาจจะดีขึ้นก็ได้ แต่ในชีวิตจริงเลือกได้อันเดียว จะเพิ่มแล้วจะดีขึ้นหรือแย่ลงก็ไม่รู้เหมือนกัน

แต่ถ้ามองที่เสร็จแล้วก็อยากจะลดบางช่วงออกไป เช่น ช่วงท้ายๆ ที่ยืดไปหน่อย หนังทุกเรื่องเป็นความคิดเห็นของคนทำ แล้วแต่ว่าจะมองเหตุการณ์นี้ว่าอย่างไร อย่างเรื่องนี้มองเป็นหนังวัยรุ่นที่ต่อสู้ผ่านตัวละคร 26 คน ทุกคนอยู่กลุ่มเดียวกันและช่วยกันเล่าเรื่อง

ผู้ชมคนที่ 2 : ทำไม End credit ถึงเลือกน้องฟ้อนด์รุ่น 2
ฟ้อนด์ BNK48
ขอบคุณภาพจาก Fond BNK48
เต๋อตอบ : ไอเดียเรื่องมาเวลมาจากตอนคุยกับปูเป้ ก็เลยคิดเล่นๆ ว่าถ้าเป็นมาเวลจะเป็นยังไงนะ ถ้ามีรุ่น 2 มาโผล่ตอนท้ายก็มันเหมือนกันนะ เหมือนกับว่าเป็น New Challenge ของรุ่น 1 เปรียบเหมือนสงครามจบแล้วมีคนใหม่เข้ามา โชคดีที่คิดไอเดียได้ตอนเพิ่งประกาศรุ่น 2 ออกมา เคยไปดูแค่ตอนออดิชั่นแล้วจำฟ้อนด์ได้ แค่นั้นเอง จริงๆ ถ้าฟ้อนด์เกิดไม่ว่างเป็นมิวนิคว่างก็ได้ เป็นแพนด้าก็ได้ หรือเป็นรุ่น 2 คนอื่นก็ได้

ผู้ชมคนที่ 3 : นอกจากเกณฑ์ที่เลือกจากเมมเบอร์ที่เล่าเรื่องชัดเจนแล้ว ยังมีเกณฑ์อื่นไหมในการแบ่งแอร์ไทม์แต่ละคน

เต๋อตอบ : คงเป็นตามความเหมาะสมมากกว่า สมมติให้แอร์ไทม์น้องเยอะๆ เแล้วทำให้หนังไม่ดีน้องคงไม่รู้สึกดีกับหนังเรื่องนี้เท่าไหร่ แอร์ไทม์มากน้อยไม่สำคัญ อยู่ที่การเติมเต็มมากกว่า บางคนน้อยแต่มากเหมือนกัน ไม่ได้คิดว่าจะให้แอร์ไทม์ใครเยอะ

ด้วยตัวหนังจะเป็นคนเลือกเองว่าใครจะเป็นคนเล่าโดยไม่ได้สนอันดับในวงของน้อง ตั้งใจให้มีทั้ง 26 คนถึงจะน้อยแต่มีความสำคัญเท่ากัน ตอนตัดไม่รู้ว่าใครเยอะหรือน้อยด้วยซ้ำ ดูแค่อันไหนต่อกันได้ ให้คนดูยังเอ็นจอยได้เป็นสำคัญเสียมากกว่า
อยากดู Ter Don't Cry (เด่วๆ 555)
ขอบคุณภาพจาก Nawapol Thamrongrattanarit
ผู้ชมคนที่ 4 : คิดว่าจะมีเวอร์ชั่น Uncut extened ไหม

เต๋อตอบ : คิดว่าส่วนตัวไม่มี เพราะตัวหนังคิดว่าสมบูรณ์ในมุมของผู้กำกับอยู่แล้ว แต่จะทำไหมลองถาม official ดูน่าจะเหมาะกว่า เพราะเวลาตัดต่อถ้าเจอสิ่งที่น่าสนใจแต่ใส่ในหนังไม่ได้ก็เสียดายเหมือนกัน ต้องดูภาพรวมอีกที หลายคนมีข้อมูลที่ดีแต่ต้องตัดออกไป เพราะว่าการทำหนัง Girls Don't Cry เป็นการบันทึกช่วงเวลาของรุ่น 1 ไว้ พอผ่านไป 5 ปีก็ยังรู้สึกถึงบรรยากาศโดยรวมนั้นอยู่

ผ้าป่านทิ้งท้าย : สุดท้ายอยากให้พี่เต๋อฝากถึงคนดูหนังเรื่อง Girls Don't Cry นิดนึงค่ะ

การได้ทำหนัง Girl's Don't Cry เป็นโอกาสที่ดีที่รู้จักวงนี้มากขึ้น เห็นเป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่แค่คำพูดของเด็กคนหนึ่ง เป็นคำพูดที่เชื่อมโยงคำพูดของคนๆ นึง เชื่อมกับโลกการทำงาน โลกการเรียนของใครคนนึงก็ได้ ฝากชวนให้คนมาดูด้วย

หลังจากได้ฟัง Q&A แล้วรู้สึกเต็มอิ่มกับหนังมากขึ้นกว่าเดิม ทำให้รู้ว่าพี่เต๋อใส่ใจกับการทำ content จริงๆ ที่อึ้งมากคือการทำดนตรีที่ละเอียดมากกว่าที่คิดเสียอีก เป็นหนังสารคดีที่แนะนำให้ทั้งคนตามและไม่ได้ตาม BNK48 ได้ดูเลยล่ะ การได้เห็นสีหน้าและแววตาแบบขยายนั้นได้เห็นอะไรลึกกว่าโชว์ของน้องบนเวทีมากจริงๆ รีวิวได้สั้นๆ คือ Girls Don't Cry เป็นเบื้องหลังการต่อสู้ของ BNK48 ทั้ง 26 คนผ่านสายตาของเต๋อ นวพล นี่เอง มาดูกันเยอะๆ นะคะ ^_^
[Spoil] ถามตอบกับพี่เต๋อผู้กำกับ Girls Don't Cry [Spoil] ถามตอบกับพี่เต๋อผู้กำกับ Girls Don't Cry Reviewed by giftoun on สิงหาคม 27, 2561 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น

Sponsor

AD BANNER

Travel everywhere!